“วันเวลาไม่เคยคอยใคร” คำกล่าวนี้เป็นจริงเสมอ ไม่ว่าจะดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ในฐานะ อาชีพอะไรก็ตาม ล้วนต้องอาศัยข้อกำหนดนัดหมายด้วยวันเวลาเป็นสำคัญ ใครไม่ทำตามเวลาหรือปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป อาจส่งผลต่อความสำเร็จ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ บางครั้งยังส่งผลเสียหายตามมาโดยที่ไม่อาจคาดคิดได้ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อทรัพย์สิน อาทิเช่น การไม่ส่งเงินค่าเช่าซื้อทรัพย์สิน 2 งวดติดต่อกัน อาจถูกผู้ให้เช่าซื้อบอกเลิกสัญญา ยึดทรัพย์สินที่ให้เช่าซื้อคืนและเรียกค่าเสียหาย การไม่ส่งเงินกู้ยืมตามกำหนด อาจถูกปรับและเรียกดอกเบี้ยในอัตราสูงสุด หรือแม้แต่ความเสียหายทางจิตใจ การที่นัดหมายกับใครไว้แล้วไม่ไปตามกำหนดนัด ย่อมทำให้เกิดความเสียหายในแง่ของความน่าเชื่อถือ สุดท้ายอาจไม่มีใครคบหาสมาคมด้วย
ในธุรกิจประกันภัย วันเวลาถือเป็นสาระสำคัญยิ่ง ในการที่จะบอกว่าสัญญาประกันภัยได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อใด และสิ้นสุดลงเมื่อใด เพราะการให้ความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย ที่บริษัทรับประกันภัยจะต้องจ่ายเงินหรือชดใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น เหตุแห่งความคุ้มครองต้องอยู่ในระหว่างเวลาเริ่มต้นขึ้นจนถึงเวลาสิ้นสุดแห่งสัญญาประกันภัย ไม่ว่าการพิจารณาจากวันที่เสียชีวิต วันที่เกิดอุบัติเหตุ หรือวันที่เกิดเหตุ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัยและทรัพย์สิน
หากพิจารณาโดยทั่วไปดูง่าย ๆ คือ เมื่อเกิดเหตุที่จะขอรับเงินหรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากการประกันชีวิต หรือการประกันวินาศภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกันภัยรถ ต้องดูว่าการตายหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นอยู่ในระหว่างระยะเวลาเริ่มต้นและระยะเวลาสิ้นสุดในการรับประกันภัยหรือไม่ กรมธรรม์ประกันภัยทุกฉบับจะบอกระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดไว้ และหากเหตุแห่งการขอรับเงินหรือค่าสินไหมทดแทนจากการทำประกันภัย เกิดก่อนระยะเวลาเริ่มต้นหรือหลังระยะเวลาสิ้นสุดในการรับประกันภัย ย่อมจะไม่ได้รับการชดใช้
มีผู้ประสบภัยจากรถ ทายาทโดยธรรม หลายรายมาแจ้งขอรับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัย เมื่อสอบถามข้อเท็จจริงแล้วได้ความว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นหลังจากที่กรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยขาดอายุไปเพียง 5 วัน เท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ ทำมาตั้ง 3 ปี ไม่เคยขาดอายุเลย จะได้รับความคุ้มครองหรือไม่ คำตอบคือไม่ได้รับความคุ้มครอง เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นเกิดหลังจากระยะเวลาของสัญญาประกันภัยสิ้นสุดไปแล้ว แม้เหตุจะเกิดหลังระยะเวลาสิ้นสุดแห่งสัญญาประกันภัยไปเพียงระยะเวลารายชั่วโมง ก็ถือว่าไม่อยู่ในความคุ้มครองที่บริษัทจะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
เช่นเดียวกัน การทำประกันชีวิตเมื่อบริษัทได้รับประกันชีวิตไปแล้ว และเกิดเหตุเสียชีวิตลงแม้จะทำได้เพียง 1 วัน บริษัทต้องรับผิดชอบจ่ายเงินตามความคุ้มครอง ทั้งนี้หากการเสียชีวิตไม่มีข้อยกเว้นอื่น แต่หากสัญญาประกันชีวิตขาดผลบังคับโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้เอาประกันภัยไม่ได้ส่งชำระเบี้ยประกันภัย จนเลยกำหนดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกันภัยแล้ว ผู้เอาประกันภัยเกิดเสียชีวิตลงในช่วงเวลานี้ จะไม่ได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันชีวิต มีผู้รับประโยชน์จำนวนมากที่ถูกปฏิเสธไม่ได้รับเงินโดยได้รับแจ้งเหตุผลจากบริษัทรับประกันชีวิตว่า สัญญาประกันชีวิตสิ้นสุดความคุ้มครองด้วยเหตุดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้สัญญาประกันภัยสิ้นสุดไปแล้ว แต่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้ประสบภัยจากรถเสียชีวิตภายหลัง แต่มูลเหตุแห่งการเสียชีวิตเกิดขึ้นก่อนสัญญาประกันภัยสิ้นสุด ยังอยู่ในความคุ้มครองที่บริษัทจะต้องชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทน แต่กรณีการประกันอุบัติเหตุการเสียชีวิตต้องเกิดขึ้นภายใน 180 วัน
จะเห็นได้ว่าวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดในระยะเวลาการคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย มีความสำคัญต่อการที่จะได้รับเงินหรือค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้ประสบภัยจากรถ ผู้รับประโยชน์ เจ้าของรถ ประชาชน จึงต้องตรวจสอบและชำระเบี้ยประกันภัย เพื่อให้สัญญาประกันภัยมีผลบังคับเกิดความคุ้มครองตามสัญญาประกันภัย พบกันใหม่ฉบับหน้าจะได้นำเสนอในเรื่อง”ใบเสร็จรับเงินกับการชำระเบี้ยประกันภัย”
โดย นายสมเกียรติ ปัญหา
หัวหน้าสำนักงานประกันภัยจังหวัดแพร่
เกร็ดความรู้ดีๆ จาก ประกันภัยรถยนต์ โปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ รถยนต์มือสอง ตลาดรถ รับฝากขาย รถมือสอง เปรียบเทียบรถยนต์ ฟรี!!