เกร็ดความรู้ดีๆ จาก ประกันภัยรถยนต์ โปรโมชั่น ประกันรถยนต์ ดีๆ
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ รถยนต์มือสอง ตลาดรถ รับฝากขายรถมือสอง เปรียบเทียบรถยนต์ ฟรี!!
แผ่นดินไหวทำให้คิด บ้านและที่อยู่อาศัยภาคเหนือไม่ซื้อประกันภัยคุ้มครองแผ่นดินไหว นายกสมาคมวินาศฯคาดเสียหายครั้งนี้ไม่เกิน 500 ล้าน ค่าย “ทิพยฯ” ชี้ เหตุการณ์เชียงรายหนุนคนไทยซื้อคุ้มครองแผ่นดินไหวพุ่ง เผยที่ผ่านมาซื้อประกันภัยไฟไหม้อย่างเดียว
ทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุขทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุข นายทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผย ว่า บริษัทกำลังศึกษาพื้นที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังเกิดเหตุการณ์ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์กลาง รวมถึงภาคตะวันตก และพื้นที่ที่อยู่ใกล้รอยเลื่อน เช่น กาญจนบุรี เนื่องจากมีรอยเลื่อนใกล้กับกรุงเทพฯ เพื่อกำหนดโซนความเสี่ยงจากการรับประกันไม่ให้เกิดการกระจุกภัยของแต่ละพื้นที่ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพียง 200 ล้านบาทจากเป้าทั้งปี 2พันล้านบาท
ขณะนี้มีการรายงานเบื้องต้นจากภาคเหนือเข้ามาแล้ว 41 รายจากที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 1หมื่นราย คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ตัวเลขหรือมูลค่าความเสียหายเชิงประกันภัย เพื่อทำการตั้งสำรองสินไหมเพื่อจ่ายแก่ผู้เอาประกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ได้รับรายงานเข้ามา 41รายนั้นมีทั้งกลุ่มบ้าน ที่อยู่อาศัย และธุรกิจโรงแรม แต่ส่วนใหญ่กลุ่มบ้าน และที่อยู่อาศัยซื้อความคุ้มครองด้านอัคคีภัยแต่ไม่ได้ซื้อความคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงภัยแผ่นดินไหว แม้ว่าที่ผ่านมาพนักงานของบริษัทได้มีการอธิบายเพื่อให้มีการซื้อภัยดังกล่าวเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดธุรกิจตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มนี้จะซื้อประกันภัยทรัพย์สินซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ (Industrial All Risk:IAR) เป็นพื้นฐานโดยกรมธรรม์จะคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวโดยอัตโนมัติ
ปัจจุบัน บริษัทผู้รับประกันภัยต่อ หรือ รี อินชัวเรอร์ ได้ส่งทีมสำรวจภัยเข้ามาประเมินพื้นที่จริง พบความเสียหายไม่มาก มูลค่าความเสียบหายเบื้องต้นไม่ถึง 100 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นกำแพงร้าว ซึ่งรีฯ มองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายจนมีผลกระทบต่ออัตราเบี้ยประกันภัยธรรมชาติที่คุ้มครองแผ่นดินไหว เนื่องจากส่วนใหญ่เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินสาธารณะ
“เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะทำให้ทั้งระบบสนใจซื้อประกันภัยรองรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีทีมฝ่ายขายรองรับความต้องการลูกค้า แต่อาจมีเกณฑ์การรับประกันภัย เช่น สามารถซื้อความคุ้มครอง 20% เช่น ขนาดธุรกิจ 1 พันล้านบาท ซื้อความคุ้มครองได้ที่ 200 ล้านบาท และยังคงใช้อัตราเบี้ยเดิมคือ 0.01% ของทุนประกันภัย ดังนั้นการซื้อความคุ้มครองในช่วงเหตุการณ์ปกติจะทำให้อัตราเบี้ยคงที่มากกว่าการตัดสินใจซื้อเมื่อเกิดภัยจนเสียหายแล้ว ที่สำคัญหากเกิดเหตุการณ์อาจมีผลไม่รับประกันภัยต่อก็เป็นได้”
ด้านนายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศ จะมีการประเมินความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศไทยรอบใหม่แน่นอน เพราะแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงกว่าในอดีต แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราเบี้ยประกันไม่มากนัก เพราะพื้นที่เกิดภัยยังอยู่ในโซนพื้นที่เดิมและแนวลอยเลื่อนแนวเดิมทางภาคเหนือและภาคตะวันตก ไม่มีผลต่อตึกสูงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อีกทั้งประเมินความเสียหายครั้งนี้ไม่สูงมากเบื้องต้นคาดว่าไม่เกิน 500 ล้านบาท และข้อมูลรายงานความเสียหาย 2วัน พบความเสียหายไม่มาก
“ในส่วนของกรุงเทพประกันภัย พบความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เฉลี่ยต่อรายไม่เกิน 5-10 ล้านบาท ทุนประกันภัย 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่อยู่บ้านอาศัยและโรงสี ทางด้านการบริหารความเสี่ยง บริษัทประกันจะขายแบบกระจายความเสี่ยงการรับประภัย ในหลายพื้น จะทำให้อัตราเบี้ยประกันสูงสุด 5% สามารถจะลดเหลือ 1% อีกทั้งโซนพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวยังอยู่ในแนวเดิม และภัยแผ่นดินไหวนั้น มีการขายแบบจำกัดภัยอยู่ในภัยธรรมชาติอยู่แล้ว”
ที่มา : http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=294325
เบื่อซ่อม อยากขาย ไว้ใจ รถยนต์มือสอง ตลาดรถ รับฝากขายรถมือสอง เปรียบเทียบรถยนต์ ฟรี!!
แผ่นดินไหวทำให้คิด บ้านและที่อยู่อาศัยภาคเหนือไม่ซื้อประกันภัยคุ้มครองแผ่นดินไหว นายกสมาคมวินาศฯคาดเสียหายครั้งนี้ไม่เกิน 500 ล้าน ค่าย “ทิพยฯ” ชี้ เหตุการณ์เชียงรายหนุนคนไทยซื้อคุ้มครองแผ่นดินไหวพุ่ง เผยที่ผ่านมาซื้อประกันภัยไฟไหม้อย่างเดียว
ทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุขทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุข นายทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัททิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) เปิดเผย ว่า บริษัทกำลังศึกษาพื้นที่เสี่ยงต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหว หลังเกิดเหตุการณ์ที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นศูนย์กลาง รวมถึงภาคตะวันตก และพื้นที่ที่อยู่ใกล้รอยเลื่อน เช่น กาญจนบุรี เนื่องจากมีรอยเลื่อนใกล้กับกรุงเทพฯ เพื่อกำหนดโซนความเสี่ยงจากการรับประกันไม่ให้เกิดการกระจุกภัยของแต่ละพื้นที่ โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายความคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวเพียง 200 ล้านบาทจากเป้าทั้งปี 2พันล้านบาท
ขณะนี้มีการรายงานเบื้องต้นจากภาคเหนือเข้ามาแล้ว 41 รายจากที่มีฐานลูกค้ามากกว่า 1หมื่นราย คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะได้ตัวเลขหรือมูลค่าความเสียหายเชิงประกันภัย เพื่อทำการตั้งสำรองสินไหมเพื่อจ่ายแก่ผู้เอาประกันต่อไป อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่ได้รับรายงานเข้ามา 41รายนั้นมีทั้งกลุ่มบ้าน ที่อยู่อาศัย และธุรกิจโรงแรม แต่ส่วนใหญ่กลุ่มบ้าน และที่อยู่อาศัยซื้อความคุ้มครองด้านอัคคีภัยแต่ไม่ได้ซื้อความคุ้มครองที่ครอบคลุมถึงภัยแผ่นดินไหว แม้ว่าที่ผ่านมาพนักงานของบริษัทได้มีการอธิบายเพื่อให้มีการซื้อภัยดังกล่าวเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรมที่มีขนาดธุรกิจตั้งแต่ 300 ล้านบาทขึ้นไป กลุ่มนี้จะซื้อประกันภัยทรัพย์สินซึ่งคุ้มครองภัยธรรมชาติ (Industrial All Risk:IAR) เป็นพื้นฐานโดยกรมธรรม์จะคุ้มครองภัยแผ่นดินไหวโดยอัตโนมัติ
ปัจจุบัน บริษัทผู้รับประกันภัยต่อ หรือ รี อินชัวเรอร์ ได้ส่งทีมสำรวจภัยเข้ามาประเมินพื้นที่จริง พบความเสียหายไม่มาก มูลค่าความเสียบหายเบื้องต้นไม่ถึง 100 ล้านบาทส่วนใหญ่เป็นกำแพงร้าว ซึ่งรีฯ มองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายจนมีผลกระทบต่ออัตราเบี้ยประกันภัยธรรมชาติที่คุ้มครองแผ่นดินไหว เนื่องจากส่วนใหญ่เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินสาธารณะ
“เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะทำให้ทั้งระบบสนใจซื้อประกันภัยรองรับความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทมีทีมฝ่ายขายรองรับความต้องการลูกค้า แต่อาจมีเกณฑ์การรับประกันภัย เช่น สามารถซื้อความคุ้มครอง 20% เช่น ขนาดธุรกิจ 1 พันล้านบาท ซื้อความคุ้มครองได้ที่ 200 ล้านบาท และยังคงใช้อัตราเบี้ยเดิมคือ 0.01% ของทุนประกันภัย ดังนั้นการซื้อความคุ้มครองในช่วงเหตุการณ์ปกติจะทำให้อัตราเบี้ยคงที่มากกว่าการตัดสินใจซื้อเมื่อเกิดภัยจนเสียหายแล้ว ที่สำคัญหากเกิดเหตุการณ์อาจมีผลไม่รับประกันภัยต่อก็เป็นได้”
ด้านนายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัย เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทประกันภัยต่อต่างประเทศ จะมีการประเมินความเสี่ยงภัยแผ่นดินไหวในประเทศไทยรอบใหม่แน่นอน เพราะแผ่นดินไหวครั้งนี้รุนแรงกว่าในอดีต แต่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราเบี้ยประกันไม่มากนัก เพราะพื้นที่เกิดภัยยังอยู่ในโซนพื้นที่เดิมและแนวลอยเลื่อนแนวเดิมทางภาคเหนือและภาคตะวันตก ไม่มีผลต่อตึกสูงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ อีกทั้งประเมินความเสียหายครั้งนี้ไม่สูงมากเบื้องต้นคาดว่าไม่เกิน 500 ล้านบาท และข้อมูลรายงานความเสียหาย 2วัน พบความเสียหายไม่มาก
“ในส่วนของกรุงเทพประกันภัย พบความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท เฉลี่ยต่อรายไม่เกิน 5-10 ล้านบาท ทุนประกันภัย 100 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่อยู่บ้านอาศัยและโรงสี ทางด้านการบริหารความเสี่ยง บริษัทประกันจะขายแบบกระจายความเสี่ยงการรับประภัย ในหลายพื้น จะทำให้อัตราเบี้ยประกันสูงสุด 5% สามารถจะลดเหลือ 1% อีกทั้งโซนพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวยังอยู่ในแนวเดิม และภัยแผ่นดินไหวนั้น มีการขายแบบจำกัดภัยอยู่ในภัยธรรมชาติอยู่แล้ว”
ที่มา : http://www.chiangmainews.co.th/page/?p=294325